วิธีแก้คัดจมูกง่ายๆ

ปัญหาทางด้านสุขภาพ การเจ็บป่วย ในปัจจุบันนับตั้งแต่โรคระบาดอย่าง Covid -19 เข้ามาระบาดในประเทศไทย ซึ่งผู้ที่ติดเชื้อแล้วมีอาการก็คงจะทราบกันดีว่า ค่อนข้างที่จะไม่ต่างจากไข้หวัดธรรมดา แต่มีผลข้างเคียงในระยะยาวนั่นก็คือ อาการไอ รวมทั้งคัดจมูกด้วย ซึ่งทุกคนในที่นี่คงจะประสบปัญหาเรื่องการป่วยเป็นไข้หวัดมาแล้วทุกคน คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องที่น่าหงุดหงิดที่สุดเวลาเป็นหวัด ไม่ใช่ปวดหัว หรือ มีไข้สูง แต่เป็นปัญหาเรื่องการคัดจมูก น้ำมูกไหล หายใจลำบาก นี่แหละเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก รวมทั้งอาการภูมิแพ้ ที่จะมีอาการเกี่ยวกับการคัดจมูกด้วยเช่นเดียวกัน สำหรับวันนี้พวกเราจึงได้รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับ วิธีแก้คัดจมูกง่ายๆ อาการคัดจมูก ตั้งแต่สาเหตุที่เกิดขึ้น รวมทั้งวิธีการรักษาเบื้องต้น และอาหารที่ช่วยรักษาอาการคัดจมูก เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร ติดตามกันได้ในบทความนี้


อาการคัดจมูกและสาเหตุ 

วิธีแก้คัดจมูกง่ายๆ

สำหรับ อาการคัดจมูกนั้น มีสาเหตุสำคัญก็คือ มีสิ่งที่อุดตันอยู่ภายในจมูก จนทำให้หายใจได้ไม่สะดวก ส่วนมากนั้นจะเกิดจากการอักเสบ บวมขึ้นของเยื่อบุในทางเดินจมูก รวมทั้งโพรงอากาศข้างจมูก ซึ่งจะเกิดขึ้นได้เป็นปกติ ทั้งกับเด็ก ผู้ใหญ่ ถึงแม้ว่าจะไม่ร้ายแรงมาก แต่ค่อนข้างที่จะสร้างความรำคาญให้กับผู้ป่วยเป็นอย่างมาก แต่การคัดจมูกนั้นในทารกจะต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจจะส่งผลต่อระบบหายใจ รวมทั้งการให้นมในบุตรได้ 


สาเหตุกับอาการคัดจมูก 

จุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดอาการคัดจมูกนั้น มีสาเหตุหลักคือ เนื้อเยื่อในจมูกมีการอักเสบ จากการติดเชื้อ หรือสารก่อภูมิแพ้ รวมทั้งโรคต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดอาการคัดจมูกได้เช่นกัน โดยมีรายละเอียดสาเหตุ ดังต่อไปนี้ 

  • การเป็นโรคหวัด การติดเชื้อบริเวณทางเดินหายใจ ตัวอย่างเช่น โรคไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งไซนัสอักเสบ 
  • เกิดจากโรคภูมิแพ้ ซึ่งมีอาการคัดจมูก ร่วมกับน้ำมูกไหล จาม มีอาการคันตาร่วมด้วย 
  • เกิดจากริดสีดวงจมูก ซึ่งเกิดจากการอักเสบเรื้อรัง ของเยื่อบุภายในจมูก กับโพรงจมูก ทำให้มีก้อนเนื้อนิ่ม ๆ ยื่นออกมากีดขวาง จนมีอาการหายใจไม่ได้สะดวกเกิดขึ้น 
  • เกิดจากเยื่อจมูกอักเสบ เรื้อรัง เช่น มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในจมูก เช่น ฝุ่นละออง รวมทั้งเกสรดอกไม้ 
  • เกิดจากการได้รับบาดเจ็บที่จมูก 
  • เกิดจากผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด 
  • เกิดจากภาวะการคั่งของน้ำมูก หลังจากที่หยุดใช้ยาลดน้ำมูก
  • เกิดเนื้องอกที่โพรงจมูก หรือภายในจมูก 
  • เกิดต่อมอะดีนอยด์บวม อาการก็คือ มีต่อมน้ำเหลืองชนิดหนึ่งอยู่ด้านหลังโพรงจมูก เมื่อมีอาการอักเสบ หรือบวม จะทำให้มีอาการหายใจลำบากตามมาได้ 
  • เกิดขึ้นได้ในหญิงตั้งครรภ์ กับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน 

การตรวจโดยแพทย์ 

เรื่องการตรวจวินิฉัยอาการคัดจมูก แพทย์นั้นจะหาสาเหตุจากการตรวจร่างกายเบื้องต้น โดยจะส่วนมากแล้วไม่จำเป็นต้องตรวจรับการรักษาเป็นพิเศษ ถ้าหากว่าไม่พบสาเหตุของอาการคัดจมูกที่แน่ชัด หรือมีอาการที่ไม่ดีขึ้น ก็อาจจะต้องส่งไปตรวจเพิ่มเติมกับแพทย์เฉพาะทาง ทางด้าน หู คอ จมูก ซึ่งอาจจะต้องตรวจหาภูมิแพ้ หรือตรวจเลือด อาจจะใช้การส่องกล้องตรวจดูบริเวณหลังโพรงจมูก อาจจะมีการถ่ายภาพ ซีทีสแกน หรือเอมอาร์ไอ เพื่อค้นหาสาเหตุของการคัดจมูกที่เกิดขึ้น  


วิธีแก้คัดจมูกด้วยตัวเอง 

วิธีแก้คัดจมูกง่ายๆ

ไม่ยากเลยสำหรับ วิธีแก้คัดจมูกง่ายๆ ด้วยตัวเอง เมื่อมีอาการคัดจมูก หรือมีน้ำมูก ซึ่งสามารถทำได้ด้วยขั้นตอน ดังต่อไปนี้

  • ให้สั่งน้ำมูกออกมาเบา ๆ อย่าสั่งแรงเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้อาการอักเสบแย่ลงได้ วิธีนี้จะช่วยให้จมูกโล่งขึ้น 
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน เพื่อส่งผลให้น้ำมูกไม่จับตัวเหนียว รวมทั้งปิดกั้นโพรงจมูก 
  • วิธีแก้อาการคัดจมูกในเด็กทารกนั้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำมูกเหนียวข้น หรือน้ำมูกแห้ง ให้หยดน้ำเกลือปริมาณเล็กน้อยเข้าไปในจมูก จากนั้นให้ใช้ลูกยางที่สะอาด ดูดเอาน้ำมูกออกมาอย่างเบามือ 
  • ให้ใช้วิธีล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ เพราะจะทำให้โพรงจมูกชุ่มชื้นขึ้น ไม่แห้ง ช่วยขจัดน้ำมูกให้เบาบางลง พร้อมทั้งล้างสิ่งแปลกปลอม กับสารก่อภูมิแพ้ อาจจะช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคในโพรงจมูกได้ด้วย ส่วนน้ำเกลือจะต้องเป็นน้ำเกลือที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้ว บรรจุในขวดใส ส่วนอุปกรณ์นั้นจะต้องใช้ ไซรินจ์ ภาชนะรอง และจุกล้างจมูก จะต้องสะอาด หลังการล้างจมูกควรจะทำความสะอาดอุปกรณ์ด้วยการล้าง แล้วนำไปตากให้แห้ง พร้อมเก็บในที่สะอาดด้วยทุกครั้ง 
  • ผู้ป่วยจะต้องหลีกเลี่ยงสารก่อนภูมิแพ้เพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น ควันธูป ควันบุหรี่ หรือไรฝุ่น 
  • ให้ยกศีรษะสูงขึ้นจากปกติ ระหว่างการนอนหลับ จะทำให้หายใจสะดวกยิ่งขึ้น 

การรักษาด้วยการใช้ยา

นอกจากการรักษาด้วยตัวเองแล้วนั้น จะต้องมีการใช้ยาด้วย เพราะจะทำให้หายเร็วขึ้น พร้อมทั้งบรรเทาได้ดีด้วย ดังนั้นแล้วผู้ป่วยอาจจะต้องซื้อจากร้านขายยาทั่วไป แต่ต้องบอกอาการให้เภสัชกรทราบ พร้อมทั้งอ่านฉลากให้ละเอียดทุกครั้ง เพราะยาลดน้ำมูก อาจจะทำให้ผู้ป่วยบางรายง่วงนอนได้ โดยมีรายละเอียดยาที่ใช้ในการรักษา ดังต่อไปนี้

  • ใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของการบูร เมนทอล หรือยูคาลิปตัส ใช้ทาบริเวณหน้าอก จะช่วยให้หายใจได้คล่อง แต่เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปีไม่ควรใช้ 
  • ใช้ยาแก้คัดจมูกชนิดเม็ด หรือแบบน้ำเชื่อม ซึ่งถือว่าเป็นยาในชนิดปลอดภัย ถ้าหากว่าต้องใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ซึ่งได้แก่ ยาซูโดอีเฟดรีน (Pseudoephedrine) กับฟีนิลเอฟรีน (Phenylephrine)
  • ใช้ยาพ่นจมูกอย่าง ยาเอฟีดรีน (Ephedrine) กับออกซีเมตาโซลีน (Oxymetazoline) จะสามารถช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกได้ดี แต่ทว่าไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกิน 5 วัน เพราะอาจจะเกิดผลข้างเคียงได้ อีกทั้งเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ห้ามใช้ แต่ 6-12 ปี ใช้ติดต่อกันได้แค่เพียง 5 วันเท่านั้น 
  • ยาสเตียรอยด์ สำหรับพ่นจมูก ซึ่งจะเป็นยาที่ใช้บรรเทาอาการคัดจมูกโดยเฉพาะ เมื่อมีอาการภูมิแพ้ หรือริดสีดวงในจมูก ยานี้จะช่วยลดอาการบวมในจมูกได้ ปลอดภัยต่อเด็ก ผู้ใหญ่ แต่การใช้ควรได้รับการดูแลจากแพทย์ ถ้าหากว่าใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน 
  • ใช้ยาแก้แพ้ ซึ่งผู้ที่มีอาการคัดจมูก มาจากสาเหตุคือ โรคภูมิแพ้ โดยลักษณะน้ำมูกใส ไหลต่อเนื่อง รวมทั้งมีอาการจาม คัน น้ำตาไหล จะต้องใช้ยาแก้แพ้อย่าง ยาลอราทาดีน (Loratadine) หรือเซทิริซีน(Cetirizine) จะช่วยลดอาการของโรคนี้ได้ โดยยาแก้แพ้จะต้องใช้เวลากลางคืน เพราะอาจจะทำให้รู้สึกง่วงนอนได้ 
  • กรณีปวดจมูก เมื่อเกิดการอักเสบ สามารถใช้ยา พาราเซตามอล หรือ ไอบูโพรเฟน ได้เช่นกัน จะช่วยบรรเทาได้

เมื่อเกิดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล มีหลายวิธีที่จะช่วยให้จมูกของเรานั้นโล่งขึ้น อย่างไรก็ตาม อาการของโรคเหล่านี้ถึงแม้ว่าจะไม่ร้ายแรง แต่สร้างความรำคาญ ต่อการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก ถ้าหากจะต้องไปพบปะผู้คนก็จะรู้สึกไม่สะดวก ดังนั้นแล้วจะต้องป้องกัน โดยการเสริมด้วยสารอาหารที่เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย หรือ ออกกำลังกายที่บ้านง่าย ๆ เพื่อไม่ให้เป็นภูมิแพ้ และไม่ติดเชื้อไข้หวัดทุกประเภท 


อาหารที่ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก

วิธีแก้คัดจมูกง่ายๆ

สารอาหาร รวมทั้งวิตามินที่ร่างกายต้องการ ถือได้ว่าเป็นส่วนที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เพราะสารอาหารเหล่านี้จะเข้าไปช่วยซ่อมแซมในส่วนที่สึกหรอ แน่นอนว่าจะทำให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมต่อสู้กับโรคต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ในบางรายก็ช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้ได้ดีอีกด้วย ซึ่งจะมีวิตามินต้านโรคภูมิแพ้ กับอาการคัดจมูกทั้งหมด  6 ชนิด ดังต่อไปนี้

1. วิตามินซี 

สำหรับวิตามินซี จะช่วยในการป้องกัน การหลังฮิสตามีน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ร่างกายเกิดภูมิแพ้ โดยอาหารที่เพิ่มในวิตามินซีได้แก้ ผักใบเขียว ตัวอย่างเช่น ตำลึง ผักโขม กะหล่ำปลี รวมไปถึงในผลไม้รสเปรี้ยวตัวอย่างเช่น สับปะรด ส้ม มะนาว ถ้าหากว่าคุณเองทานผัก ผลไม้เหล่านี้เป็นประจำ แสดงว่าคุณยังได้รับวิตามินซีสูงอยู่ในแต่ละวัน โดยรูปแบบน้ำผลไม้ก็ได้เช่นเดียวกัน 

2. วิตามินเอ 

สำหรับวิตามินเอ จะเป็นส่วนในเรื่องช่วยการสร้างเนื้อเยื่อ รวมทั้งช่วยสร้างเยื่อบุต่าง ๆ ของร่างกาย พร้อมทั้งปรับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ในระบบทางเดินหายใจ กับ ทางเดินอาหารได้อย่างสมดุล โดยอาหารที่จะพบวิตามินเอได้คือ ผักผลไม้ ที่มีสีเขียวเข้ม สีเหลือง หรือสีส้ม เช่น ฟักทอง มะละกอสุก มะม่วงสุด แคนตาลูป แครอท ซึ่งถ้าหากว่าคุณเองละทิ้งการทานผลไม้ หรือผักเหล่านี้ก็หันมาทานเพิ่มวิตามินเอให้กับร่างกายบ้าง 

3. กลุ่มโปรตีน

อย่างที่ทราบกันดีว่า โปรตีนคือ หนึ่งในอาหารหลัก 5 หมู่ ซึ่งปกติแล้วโปรตีนจะไม่ค่อยเป็นสารอาหารตัวที่ขาด แต่จะมีบางกลุ่มที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ อาจจะต้องหันมาทานเล็กน้อย เพราะจะมีกรดอะมิโน ที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้ โดยโปรตีนพบใน เนื้อสัตว์ นม ไข่ไก่ รวมทั้งถั่วด้วย เป็นอีกหนึ่งสารอาหารที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง 

4. กลุ่มโอเมก้า 3 

สำหรับกลุ่มโอเมก้า 3 นั้น จะมีจุดเด่นคือช่วยลดการอักเสบ พร้อมทั้งปรับความสมดุลของร่างกาย ภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี ช่วยยับยั้งเชื้อโรค รวมไปถึงสารแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายได้เป็นปกติ ส่วนอาหารที่พบสารสกัดโอเมก้า 3 นั้น จะพบได้ในปลาทะเลน้ำลึกอย่าง ปลาทูน่า ปลากะพง ปลาทู ซึ่งหาซื้อทานได้ง่ายในประเทศไทย แต่ทว่าอาหารในกลุ่มปลาทะเล สำหรับบางคนอาจแพ้ได้ ดังนั้นควรตรวจสอบก่อนรับประทานด้วย แต่ก็จะมี เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง ถั่วเหลือง ผักใบเขียว ที่พบกรดไขมันอย่างโอเมก้า 3 เช่นเดียวกัน 

5. กลุ่มซีลีเนียม

สำหรับสารอาหารในกลุ่มนี้ จะมีจุดเด่นอยู่ที่เข้าไปช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ให้ต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอม หรือสารที่มากระตุ้นภูมิแพ้ ซึ่งกลุ่มซีลีเนียมจะทำหน้าที่ปกป้องร่างกายให้ โดยจะพบในพืชตระกูลหอม นั่นก็คือ หอมแดง หรือหอมหัวใหญ่ นั่นเอง 

6. กลุ่มปลาโวนอยด์เควอเซทิน

สำหรับสารอาหารชนิดนี้ จะเป็นสารที่ต้านอาการแพ้ รวมทั้งลดการอักเสบ พร้อมทั้งช่วยยับยั้งการปล่อยสารฮิสตามิน ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ ส่วนอาหารที่มีสารตัวนี้ จะพบมากใน กระเทียม รวมทั้ง แครอต ผักกาดหอม และแอปเปิล 

7. หันมาดูแลตัวเอง

ข้อสุดท้ายจะขอเสริมถึงแนวทางป้องกันอาการคัดจมูก การติดเชื้อไข้หวัด หรืออาการภูมิแพ้ กับ การ “หันมาดูแลตัวเอง” ซึ่งจะต้องเริ่มจากปัญหาไรฝุ่น หมั่นทำความสะอาดที่นอน หรือทำความสะอาดบ้านอาทิตย์ละ 1 ครั้ง หรือเดือนละ 2 ครั้งเป็นอย่างน้อย จะช่วยให้ห้องสะอาดขึ้นไม่มีไรฝุ่น หรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ นี่แหละคือจุดเริ่มต้นที่จะทำให้คุณไม่เป็นภูมิแพ้ แถมยังมีบรรยากาศในห้องที่สะอาดน่าพักผ่อนอีกด้วย 

ต่อมาจะเป็นเรื่อง ออกกำลังกายบำรุงหัวใจ ที่ควรมีเวลาอย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อออกกำลังกายให้ร่างกายมีการเผาผลาญอยู่เสมอ เพราะจะได้ดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงด้วย การพักผ่อนให้เพียงพอ จะลดความเครียด ความวิตกกังวล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ป่วยง่าย ติดเชื้อง่าย ดังนั้นแล้ว ทั้ง 3 สิ่งนี้ควรจะทำร่วมกัน ไม่เช่นนั้นแล้วโรคภัยก็จะกลับมารุมเร้าเช่นเดิม 


จะเห็นได้ว่าอาการคัดจมูกนั้นไม่ได้ส่งผลร้ายแรงบาดเจ็บถึงชีวิต แต่ทว่าก่อให้เกิดความรำคาญต่อการใช้ชีวิต ยิ่งถ้าหากว่ารักษาไม่ถูกวิธี ก็อาจจะทำให้ร่างกายได้รับผลกระทบที่มากขึ้น การปวดโพรงจมูกจากอาการคัดจมูก หรือการสั่งน้ำมูกแรง ก็มีส่วนอาจจะทำให้ส่วนอื่นของร่างกายบาดเจ็บตามไปด้วย ดังนั้นแล้วการรักษาจะต้องค่อยเป็นค่อยไป ใช้ความอดทน ใช้ยาทาเพื่อลดอาการ เพื่อให้หายใจโล่งขึ้น

แต่ถ้าเกิดคัดจมูกแล้วยังหาสาเหตุไม่ได้ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยว่า มีอาการอื่นแทรกซ้อนหรือไม่ อย่าปล่อยเอาไว้เพราะค่อนข้างที่จะอันตราย ถ้าเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรงก็จะได้เตรียมแผนการรักษาให้ทันท่วงที สุดท้ายนี้พวกเราหวังว่าข้อมูลเกี่ยวกับ วิธีแก้คัดจมูกง่ายๆ พร้อมกับคำแนะนำในเรื่องอาหารแก้อาการคัดจมูก จะเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่ช่วยเหลือ พร้อมหาทางออกให้กับผู้ที่กำลังประสบอยู่ในตอนนี้ อย่าหักโหมฝืนร่างกาย ต้องหันมาดูแลตัวเองกันบ้าง 


อ้างอิง

Similar Posts